ราวกับเทศกาลฮาโลวีน!เทศกาลทานาบาตะแบบฉบับฮาโกดาเตะ
[การปรับปรุงครั้งล่าสุด 2024/5/16]
ทุกๆวันที่ 7 กรกฎาคมของทุกปีจะมีการเฉลิมฉลองเทศกาลทานาบาตะของญี่ปุ่น โดยทั่วไปแล้วผู้คนจะเขียนคำอธิษฐานลงบนกระดาษแผ่นเล็กๆ ที่เรียกว่า “ทังซะกุ” แล้วนำไปแขวนไว้กับกิ่งไผ่ แม้ว่าทานาบาตะในฮอกไกโดจะมีการเฉลิมฉลองในวันที่ 7 สิงหาคมตามปฏิทินใหม่ (7 กรกฎาคมตามปฏิทินจันทรคติ) ในภูมิภาคส่วนใหญ่ แต่ในเมืองฮาโกดาเตะนั้นจะเฉลิมฉลองทานาบาตะในวันที่ 7 กรกฎาคม และมีประเพณีที่เป็นเอกลักษณ์ที่เรียกว่า “ประเพณีรับเทียน (โรโซกุโมไร)”
ต่อไปนี้เราจะขอแนะนำ “ประเพณีรับเทียน (โรโซกุโมไร)” ที่เป็นประเพณีเฉพาะแค่ในเทศกาลทานาบาตะของฮาโกดาเตะให้ทุกคนได้รู้จัก ในวันทานาบาตะคุณจะพบเห็นต้นไผ่สำหรับใช้ผูกแผ่นกระดาษทังซะกุตามหน้าทางเข้าร้านขายของและบ้านเรือนส่วนใหญ่ เมื่อตกเย็น “กลุ่มเด็กๆ” ที่สวมชุดยูกาตะและจินเบจะไปเยี่ยมบ้านเรือนและร้านค้าต่างๆที่ทางเข้าถูกประดับด้วยต้นไผ่และร้อง “เพลงทานาบาตะ” ดังๆบริเวณหน้าทางเข้า
“แผ่นกระดาษที่ผูกกับต้นไผ่ในเทศกาลทานาบาตะ มาร่วมกันเฉลิมฉลองอย่างยิ่งใหญ่ โปรดขอเทียนให้ฉันหนึ่งเล่ม” (เนื้อเพลงในบทเพลงทานาบาตะ)
บ้านเรือนและร้านค้าต่างๆจะแจกคุกกี้ ลูกอม และเทียนเล่มเล็กๆให้กับเด็กๆหลังจากที่ฟังเพลงของเด็กๆจนจบ ของที่นำมาแจกจะแต่งต่างกันไปตามบ้านเรือนต่างๆ และร้านค้าบางแห่งยังมีของเล่นชิ้นเล็กๆ เครื่องดื่ม และเทียนสีขาวชิ้นเล็กๆเตรียมไว้อีกด้วย เมื่อรับของแล้วเด็กๆจะกล่าวคำขอบคุณและเดินทางไปเยี่ยมสถานที่ต่อไปเรื่อยๆจนมืด
ไม่ว่าใครที่เห็นประเพณีนี้เป็นครั้งแรกก็คงจะคิดว่า “นี่มันวันฮาโลวันชัดๆ !” แต่สำหรับเด็กๆในฮาโกดาเตะนั้นเทศกาลทานาบาตะเป็นวันที่ทุกคนจะได้รับคุกกี้และลูกกวาด
ต้นกำเนิดของเทศกาลทานาบาตะในฮาโกดาเตะ
ตามบันทึกทางประวัติศาสตร์ “ประเพณีรับเทียน (โรโซกุโมไร)” ในยุคแรกๆถือเป็นประเพณีเฉพาะของฮอกไกโด และยังมีความเกี่ยวข้องกับเทศกาลโทโฮกุเนบุตะด้วย แต่ก็ยังมีอีกหลายทฤษฎีที่แตกต่างกันไป
เด็กๆจะสวมชุดยูกาตะ ถือโคมไฟทำมือ (ที่มีเทียนบรรจุอยู่ข้างใน) และเดินทางไปเยี่ยมบ้านเรือนบริเวณค้างเคียงเพื่อร้องเพลง โดยเพื่อนบ้านก็จะเตรียมเทียน คุกกี้ และขนมเพื่อแจกจ่ายให้กับเด็กๆที่มาเยือน
สำหรับเหตุผลที่ใช้เทียนในประเพณี นั่นเป็นเพราะว่าเทียนถือเป็นสิ่งของจำเป็นในชีวิตประจำวันอันทรงคุณค่าเพื่อใช้เป็นเครื่องมือในการจุดไฟสำหรับประเทศญี่ปุ่นที่ขาดแคลนสิ่งของต่างๆทั้งในช่วงก่อนและหลังสงคราม
สิ่งที่แตกต่างจากตอนนั้นคือตั้งแต่ปี 1975 เป็นต้นไป โอกาสใช้เทียนในชีวิตประจำวันมีจำกัดอันเนื่องมาจากเหตุผลด้านการป้องกันอัคคีภัย และเนื่องจากมีฤดูกาลขายของช่วงทานาบาตะในซูเปอร์มาร์เก็ตเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย จึงทำให้เทียนถูกแทนที่ด้วยคุกกี้และขนมหวาน ปัจจุบันผู้คนไม่ถือโคมไฟติดตัวมาด้วยเมื่อไปเยี่ยมบ้านเรือนต่างๆ นอกจากนี้ก่อนปี ค.ศ. 1955 เนื้อเพลงของเพลงทานาบาตะของฮาโกดาเตะมีเนื้อความดังนี้ :
“แผ่นกระดาษที่ผูกกับต้นไผ่ในเทศกาลทานาบาตะ โปรดขอเทียนให้ฉันหนึ่งเล่ม ถ้าไม่ให้เทียนแก่ฉันฉันจะข่วนเธอ!”
ในเวลาต่อมา เนื้อเพลงท่อน “ถ้าไม่ให้เทียนแก่ฉันฉันจะข่วนเธอ!” ได้ถูกเปลี่ยนเป็น “มาร่วมกันเฉลิมฉลอง (เทศกาลทานาบาตะ) อย่างยิ่งใหญ่” ภายใต้คำแนะนำของโรงเรียนประถม
โดยสิ่งที่น่าสนใจคือเนื้อเพลงจากบทเพลงต้นฉบับนั้นมันช่างคล้ายกับการละเล่น “Trick or Treat” ในวันฮาโลวีน! แต่เทศกาลทานาบาตะในฮาโกดาเตะนั้นไม่มีความเกี่ยวข้องกับเทศกาลฮาโลวีนเลยแม้แต่นิดเดียว!
สำหรับผู้ที่อ่านบทความนี้จนจบ คุณอยากลองสัมผัสเทศกาลทานาบาตะที่ฮาโกดาเตะในวันที่ 7 กรกฎาคมนี้หรือไม่? หากคุณลองเข้าร่วมฝึกร้องเพลงทานาบาตะกับกลุ่มเด็กๆและลองเดินทางไปเยี่ยมบ้านเรือนแต่ละหลัง คุณจะได้รับประสบการณ์ท่องเที่ยวในฮาโกดาเตะที่แตกต่างออกไปอย่างแน่นอน!
สำหรับผู้ที่รู้สึกเขินอายในการไปเยี่ยมบ้านเรือนต่างๆเพียงลำพัง จะมีเทศกาลทานาบาตะจัดขึ้นที่หอคอยโกเรียวคาคุ, SHARE STAR HAKODATE และซูเปอร์มาร์เก็ตขนาดใหญ่ในเมืองฮาโกดาเตะ!
และซูเปอร์มาร์เก็ตขนาดใหญ่ในเมืองฮาโกดาเตะ!
สำหรับผู้ที่สนใจกรุณาตรวจสอบคำแนะนำด้านล่างนี้ และเมื่อเดินทางไปเยี่ยมบ้านเรือนและร้านค้าต่างๆโปรดปฏิบัติตัวอย่าสำหรับผู้ที่สนใจกรุณาตรวจสอบคำแนะนำด้านล่างนี้ และเมื่อเดินทางไปเยี่ยมบ้านเรือนและร้านค้าต่างๆโปรดปฏิบัติตัวอย่างสุภาพและอย่าลืมกล่าวคำขอบคุณในตอนท้าย!
※ คุณสามารถเดินทางไปเยี่ยมเฉพาะสถานที่ที่มีต้นไผ่ประดับตรงทางเข้าเท่านั้น (จะไม่มีการจัดเตรียมของแจกสำหรับที่ที่ไม่มีต้นไผ่)
※ กลุ่มเป้าหมาย: นักเรียนชั้นประถมศึกษาหรือต่ำกว่า
※ กรุณาเข้าร่วมด้วยการเดินเท้า ไม่สามารถใช้จักรยานในการเข้าร่วมได้
※ เสื้อผ้า: เราขอแนะนำชุดยูกาตะสำหรับเด็กผู้หญิง และจินเบสำหรับเด็กผู้ชาย (ชุดลำลองก็สามารถเข้าร่วมได้)
※ จะเริ่มตั้งแต่เวลาประมาณ 16.00 น. เป็นต้นไป
※ แนะนำให้พกกระเป๋าหรือถุงสำหรับใส่ขนมติดตัวมาด้วย