History

ศูนย์วัฒนธรรมโจมงฮาโกดาเตะเป็นหนึ่งในสถานที่ดีที่สุดในญี่ปุ่นซึ่งสามารถเรียนรู้เกี่ยวกับยุคโจมง ที่สามารถชมโบราณวัตถุอย่างเครื่องมือเครื่องใช้ในสมัยโจมงที่ยังหลงเหลืออยู่ ในอาคารจัดแสดงงานหัตถกรรมในยุคโจมงมากมาย เช่น จูคูโดกู (รูปปั้นดินเหนียวด้านในกลวง) ซึ่งเป็นสมบัติชาติเพียงหนึ่งเดียวในฮอกไกโด

นอกจากนี้ยังมีวัตถุโบราณที่สำคัญทางวัฒนธรรมอีกมากมายที่ไม่ควรพลาดชม เช่น เครื่องปั้นดินเผาเคลือบสีแดงชาด และโดบัง (แผ่นกระดานดินเหนียว) ที่มีรอยเท้าเด็ก

หากต้องการไปที่ศูนย์วัฒนธรรมโจมงฮาโกดาเตะให้ขึ้นรถบัสจากสถานีฮาโกดาเตะ (Hakodate) ที่มุ่งหน้าไปทางชิคาเบะชุตโชโจ (Shikabe Shutchojo) ประมาณ 80 นาที ลงที่ป้ายคาคิโนะชิมะ อิเซกิชิตะ(Kakinoshima Iseki-shita) แล้วเดินต่ออีก 20 นาที ขอแนะนำให้เผื่อเวลาไว้เยอะๆ ค่าเข้าชม 300 เยน

หลังจากชมการจัดแสดงที่ศูนย์วัฒนธรรมโจมงฮาโกดาเตะแล้ว ลองมาทำเครื่องประดับ “มากาทามะ”และเครื่องปั้นดินเผาซึ่งเป็นภาชนะดินเหนียวที่ทำกันในสมัยโบราณดู ที่ศูนย์วัฒนธรรมโจมงฮาโกดาเตะ มีกิจกรรมที่สามารถสัมผัสประสบการณ์การทำจี้มากาทามะและเครื่องปั้นดินเผาโจมงซึ่งโดดเด่นด้วยลวดลายที่เกิดจากการกดเชือก
* กิจกรรมทำเครื่องปั้นดินเผาปิดให้บริการชั่วคราว

ร้านอาหารกลางวันที่แนะนำคือ Kantaro ร้านซูชิสายพานที่ตั้งอยู่ติดกับสวนโกเรียวคาคุ หากต้องการมาที่นี่ ให้ขึ้นรถบัสที่มุ่งหน้าไปยังทางหน้าสถานีฮาโกดาเตะ (Hakodate) จากป้ายมินามิคายาเบะ ชิโชมาเอะ (Minamikayabe Shisho-mae) ไปลงที่ป้ายโกเรียวคาคุ (Goryokaku)

ร้านคันทาโร่เป็นร้านอาหารที่สามารถเพลิดเพลินกับซูชิที่ทำจากอาหารทะเลสดๆ ที่ชาวฮาโกดาเตะภาคภูมิใจ นอกจากบรรยากาศสนุกๆ ในการรับประทานซูชิสายพานแล้ว ยังสามารถชมเชฟซูชิที่เชี่ยวชาญปั้นซูชิอยู่ตรงหน้าด้วย

หลังสมัยปิดประเทศของญี่ปุ่นที่ยาวนานตั้งแต่ปี 1603 ถึง 1868 ท่าเรือฮาโกดาเตะ (Hakodate port) หนึ่งในท่าเรือที่เก่าแก่ที่สุดในญี่ปุ่นได้เปิดการค้ากับต่างประเทศ บาคุฟุ (รัฐบาลทหาร) จึงส่งเจ้าหน้าที่อาวุโสไปยังฮาโกดาเตะ เพื่อจัดการเจรจากับต่างชาติ มีส่วนร่วมในการบริหาร และปกป้องพื้นที่หากจำเป็น

โกเรียวคาคุเป็นป้อมปราการรูปดาว สร้างขึ้นเมื่อราว 150 ปีก่อนในรูปแบบที่คล้ายป้อมปราการของยุโรปในสมัยนั้น เพื่อป้องกันการโจมตีจากอาวุธต่างๆ เช่น ปืนและปืนใหญ่

จุดที่ดีที่สุดในการชมป้อมรูปดาวนี้คือจุดชมวิวของหอคอยโกเรียวคาคุ

ใจกลางป้อมปราการรูปดาวคือฮาโกดาเตะบุเกียวโช (สำนักงานปกครองฮาโกดาเตะ) อาคารที่บุเกียวนิน (ผู้พิพากษาซามูไร) ระดับสูงเคยพำนักอยู่ซึ่งได้รับการบูรณะใหม่ อาคารนี้สร้างขึ้นในรูปแบบสถาปัตยกรรมญี่ปุ่นดั้งเดิมซึ่งโดดเด่นด้วยงานไม้อันประณีตและห้องเสื่อทาทามิที่กว้างขวาง เมื่อมาเยี่ยมชมที่นี่ จะได้เห็นถึงวิถีชีวิตของซามูไรในสมัยนั้น

ชาวไอนุเป็นชนพื้นเมืองทางเหนือของญี่ปุ่น และยังเป็นที่รู้จักในฐานะผู้ตั้งถิ่นฐานกลุ่มแรกบนเกาะฮอกไกโด ชาวไอนุมีภาษา วัฒนธรรม และประเพณีของตนเอง

พิพิธภัณฑ์ชาวเหนือแห่งเมืองฮาโกดาเตะเป็นสถานที่เที่ยวซึ่งจะได้เรียนรู้เกี่ยวกับวัฒนธรรมของชาวไอนุ สามารถชมเครื่องแต่งกายที่สวยงามและของใช้ในชีวิตประจำวันของชาวไอนุ ในขณะที่เรียนรู้วัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ของชาวไอนุไปพร้อมกัน สนุกสนานกับการเรียนรู้ความงดงามของลวดลายพื้นบ้านของชาวไอนุผ่านการทำเปเปอร์คราฟ (งานฝีมือจากการตัดกระดาษ) รวมทั้งสัมผัสประสบการณ์การทำมุคคุริ (พิณปาก) เครื่องดนตรีดั้งเดิมที่มีเสียงเป็นเอกลักษณ์

ภัตตาคารโกโตเค็นเป็นร้านอาหารสไตล์ตะวันตกที่เปิดกิจการเมื่อปี 1879 หัวหน้าเชฟคนแรกได้เรียนการทำอาหารรัสเซีย และเชฟรุ่นต่อๆ มาได้เรียนรู้เทคนิคการทำอาหารที่โรงแรมอิมพีเรียลในโตเกียว เพื่อสร้างสรรค์เมนูแกงกะหรี่ญี่ปุ่นของโกโตเค็นซึ่งเป็นเมนูแกงกระหรี่ยอดฮิตถึงปัจจุบัน

ขอแนะนำ “ชุดอาหารตะวันตกและแกงกะหรี่ญี่ปุ่นสไตล์สมัยเมจิ” ที่สามารถเพลิดเพลินกับแกงกะหรี่ญี่ปุ่นและสตูว์เนื้อที่มีรสชาติกลมกล่อม แกงกะหรี่ญี่ปุ่นของโกโตเค็นกลายเป็นอาหารรสเลิศขึ้นชื่อประจําร้านที่ไม่ควรพลาดเมื่อมาที่ฮาโกดาเตะ